PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

13> โฉมฉาย อรุณฉาน...สาวสวยร้องเพลงไพเราะที่ผมขอเขียนถึงสักครั้ง



@ คลิกที่นี่.. เพลงโฉมฉาย อรุณฉาน

ธนวุฒิ ดุษฎีปัญจพร 30พ.ค.2553.......

ผมติดตามเป็นแฟนประจำเธอมาตั้งแต่ พ.ศ.2512 หรือ 2513 ก็ไม่แน่ใจ ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กกะโปโลยังเดียงสา รู้สึกจะทางไทยทีวีช่อง4 บางขุนพรหม จำได้ว่าวันนั้นตอนดึกๆ ทางช่อง4 มีรายการพิเศษวันครบรอบ 30 ปี ของ วงดนตรีสุนทราภรณ์ หรือ วงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ อะไรนี่แหละ

ช่วงหน้าร้อนหรือหน้าว่าวที่ท้องสนามหลวง ตอนนั้นสนามหลวงยังเป็นที่จัดตลาดนัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ครูเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงดนตรีสุนทราภรณ์และหัวหน้าวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ ได้ยกวงดนตรีทั้งคณะ(จำไม่ได้ว่าวงไหน)ไปเปิดการแสดงตอนเย็นๆแดดร่มลมตกที่สนามหญ้าด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติซึ่งติดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดมเจ้าพระยาท่าพระจันทร์ด้านสนามหลวง

สมัยนั้นยังไม่ได้สร้างสะพานพระปิ่นเกล้า ตอนนั้นผมยังหนุ่มแน่นอายุเพิ่ง 22-23 หลังเลิกงานกลับบ้านตอนเย็นๆ ตอนนั้นทั้งเรียนและทำงานไปด้วย ผมจะลงรถเมล์ที่สนามหลวงแล้วเดินเท้าไปที่ท่าพระอาทิตย์ลงเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาไปขึ้นบกที่ท่าวัดดาวดึงส์ฝั่งธนบุรี แล้วเดินย้อนไปทางสะพานพระปิ่นเกล้า ก็บ้านของผมอยู่พอดีตรงใต้ตีนสะพานทอดลงตอนนี้นั่นแหละ

เย็นวันหนึ่งเดินผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์ฯ ได้ยินเสียงเพลงไพเราะหูแว่วออกมา เดินเข้าไปดูแล้วก็เขยิบเข้าไปนั่งที่สนามหญ้าหน้าเวที จำได้ว่ามีเด็กสาวๆกะโปโล 3 หรือ 4 คนกำลังร้องเพลง...ตาอินกะตานา หาปลาเอามากินกัน ได้ปลาทุกวัน รักกันก็ปันกันไป...ในจำนวนเด็กสาวๆกะโปโล เท่าที่จำได้นอกจากจะมีคุณโฉมฉาย อรุณฉาน แล้ว มี คุณศรวณี โพธิเทศ รวมอยู่ด้วย

ตั้งแต่นั้นมาก็ชื่นชอบวงดนตรีสุนทราภรณ์และวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ เรียกว่าไปเปิดเวทีแสดงที่ไหน ไกลใกล้แค่ไหน ก็ติดตามดั้นด้นไปดูไปชมให้ได้ เรียกว่ามองไกลๆขอให้ได้ยินเสียงเห็นหน้าเห็นตาก็ชื่นอกชื่นใจแล้ว

อ่านถึงตอนนี้คุณผู้อ่านคงเดาออก...นั่นแน่ ไอ้หัวงู!

ไม่มีอะไรหรอกครับ ความรักของเด็กๆน่ะ แอบรักแอบชอบเขาอยู่ข้างเดียว เจอหน้ากันจังๆเธออยู่บนเวทีผมอยู่หน้าเวทีด้านล่างห่างกัน 3-4 เมตร อยากจะเข้าไปพูดไปทักทายเธอ จดๆจ้องๆเวทีแล้วเวทีเล่า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าสักที ตอนนั้นรู้สึกว่าปากมันหนักพูดไม่ออกขามันแข็งก้าวเท้าไม่ไป ได้แต่เป็นปลากัดในขวดแก้ว มอง...ม้อง...มอง...อย่างเดียว...มาถึงตอนนี้วันนี้เพิ่งคิดออก วันนั้นถ้าส่งดอกกุหลาบสีแดงให้เธอสักช่อ...เชื่อไหม...เชื่อไหม...คงแฮ็ปปี้...เหอ เหอ

และแล้ววันหนึ่งตอนบ่ายๆ เมื่อเธอ...ก็คุณโฉมฉายนั่นแหละ เธอออกมาร้องเพลง ฉันรักคนแก่...ฉันรักคนแก่... โอ้ย...โอ้ย...หัวใจของผมหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วก็หายแว้บ...ไปกับสายลมและแสงแดด แห้วล่ะสิเรา...

ผิดหวังล่ะครับ เศร้าใจเสียใจกินไม่หลับ นอนไม่ได้อยู่หลายวันหลายคืน เรามันเหมือนแมวเห็นปลากระป๋องแต่ไม่มีปัญญาเปิดกระป๋อง พอปลงตกและหักห้ามใจได้ ก็มุมานะตั้งใจทำงานและตั้งใจเรียนต่อจนจบ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเธอไปเสียเลยนะครับ ยังติดตามไปดูไปชมเท่าที่โอกาสอำนวยเมื่อทราบว่าวงดนตรีไปเปิดเวทีแสดงที่ไหน

หลายๆปีต่อมาระยะหลังๆนี่ ก็เปิดดู/ฟังเธอร้องเพลงตามทีวีช่องต่างๆ และที่ช่อง11-NBTตอนดึกๆเป็นประจำ มาหยุดไม่เข้าไปดูช่องนี้เมื่อเปลี่ยนไปเป็นช่องหอยม่วงเมื่อต้นปี 2552 นี่แหละ

ตั้งแต่นั้นมาก็ติดตามเธอทางอินเตอร์เน็ททางYouTube เพราะมีผู้ใจบุญเอาไปโพสต์ไว้ แรกๆก็มีแค่ 2 เพลง คือ เพลงคิดถึงน้องบ้างนะ และ เพลงซาโยนาระลาก่อน เผลอๆไม่ได้เข้าไปดูแผล็บเดียว มีผู้เอามาโพสต์เยอะแยะหลายเพลง เป็นที่ชื่นอกชื่นใจของผมล่ะ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

เรียกว่าติดตามผลงานดู/ฟังเพลงของเธอตั้งแต่หนุ่ม/สาวถึงสูงวัยว่างั้นเถอะ ตั้งแต่คนติดตามและคนร้องรูปทรงslenderจนตุ้ยนุ้ยน่ารักน่ารัก...ว่าเข้าไปนั่น ขออำไพครับ...ก็เธออ่อนวัยกว่าผมตั้ง 6 ปีแน่ะ

ความลับอันนี้...แอบรักแอบชอบเขาข้างเดียวนี่ ผมปิดเป็นความลับมาตลอดตั้งแต่หนุ่มยันเฒ่า ไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้แม้แต่แม่ของลูกที่บ้านเองก็เหอะ...คุณผู้อ่านรู้แล้วก็เหยียบไว้นะ...เหยียบให้หนักๆด้วย...เหอ เหอ...ไอ้เฒ่า...ไม่เจียมบอดี้!

เขียนเองพูดเองแล้วเขิน... ผมอายครับ... อิ อิ...



ดู/ฟังเพลงไพเราะของเธอครับ...
http://redbkk.blogspot.com/2010/05/12.html

http://redbkk.blogspot.com/2010/05/11.html


วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

12> โฉมฉาย อรุณฉาน...กับบทเพลงไพเราะเสนาะหู

คิดถึงน้องบ้างนะ


ซาโยนาระลาก่อน


ความรักเจ้าขา


สั่งรัก


สมมติว่าเขารัก


ริมฝั่งน้ำ : เพลงแจ้งเกิดของโฉมฉาย


ดู/ฟังเพลงไพเราะของเธอต่อครับ...
http://redbkk.blogspot.com/2010/05/11.html

11> โฉมฉาย อรุณฉาน...กับบทเพลงไพเราะเสนาะหู

สมมติว่าเขารัก+ภาพเก่าๆ


หนามชีวิต


ราตรีที่สิ้นดาว


ล่องนาวา


คอยหามาหาย


ฉันเป็นของเธอ


บางตอนจากเรื่องจากปก คม-ชัด-ลึก CityLife

...ไล่ลำดับญาติหมู่มวลสมาชิกสุนทราภรณ์จากยุคบุกเบิกหรือยุคต้น ยุคกลาง ยุคดาวรุ่งพรุ่งนี้ ยุคหลัง รุ่นปัจจุบัน และนักร้องดาวรุ่งโครงการคลื่นลูกใหม่ที่ขึ้นทะเบียนไว้เป็นเรื่องเป็นราวก็กว่าร้อยชีวิต ยุคแรกๆ หลายคนล้มหลายตายจากไปบ้างแล้วก็มี ส่วนที่ยังอยู่ก็ยังคงเหนียวแน่นไม่ไปไหน พี่โฉมฉาย อรุณฉาน หัวหน้าวงดนตรี กรมประชาสัมพันธ์คนปัจจุบัน ซึ่งรั้งตำแหน่งเดียวกับครูเอื้อในอดีต คือหนึ่งในจำนวนหลายหน่อพันธุ์สุนทราภรณ์ คือหนึ่งในจำนวนหลาย หน่อพันธุ์สุนทราภรณ์ "ยุคดาวรุ่งพรุ่งนี้" ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายที่ครูเอื้อปั้นขึ้นมาขณะนั้น เธอเป็นนักเรียนรุ่นแรกเมื่อครั้งที่มีการเปิดโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีเมื่อปี ๒๕๑๒ เพื่อค้าหาและฝึกนักร้องหน้าใหม่มาเสริมวง และให้เป็นต้นแบบของการบรรเลงเพลงสุนทราภรณ์

เจ้าตัวเล่าว่าการคัดเลือกนักร้องประจำวงยุคครูเอื้อแตกต่างจากยุคปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เรื่องการเข็นคนสักคนหนึ่งขึ้นมาเพื่อประดับเวทีสุนทราภรณ์ และให้มีสไตล์การขับร้องในแบบสุนทราภรณ์นั้นไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะเพลงสุนทราภรณ์เป็นเพลงที่ร้องยาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มี "สำเนียง" เป็นของตนเอง ซึ่งเป็นสำเนียงที่คุณครูเอื้อท่านสร้างไว้

ความที่ครูเอื้อเป็นทั้งนักประพันธ์ทำนองและนักร้อง ท่านจึงรู้ดีว่าร้องแบบไหนจึงตรงกับที่ท่านต้องการ ท่านจึงสรรสร้างบทเพลงที่ไพเราะ ได้ทุกเพลงที่ท่านประพันธ์ โดยสอนให้นักร้อง ร้องตามที่ท่านอยากให้เป็น "วันหนึ่งขาดนักร้อง ครูเลยให้ร้องเพลง "คืนนั้นมันนาน" เพลงนี้แหละที่เปลี่ยนชีวิตพี่ พอมีลีลาศก็ต้องเพลงนี้ในจังหวะBegin แต่ก่อนที่จะร้องเดี่ยวได้ต้องร้องหมู่ก่อน การร้องหมู่ไม่มีการจองเนื้อ ต้องร้องได้หมดทุกท่อน หรือขึ้นเวทีแล้วอาจจะไม่ได้ร้องสักท่อนก็ได้ ไม่มีสิทธิ์โกรธด้วย เป็นการฝึกอย่างโหด เพื่อให้แกร่งจริงๆ หลายคนทนไม่ได้ออกกลางคันก็มี"...

ฟังเพลง "คืนนั้นมันนาน"...

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

10> ความจริงอันประเสริฐ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 7

วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่เกิด 3 เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวียนมาบรรจบกันในวันเพ็ญเดือน 6 แม้จะมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์ 3 ประการ ได้แก่

1. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ

2. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมโพธิญาณ

3. วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน (ดับสังขารไม่กลับมาเกิดสร้างชาติ สร้างภพอีกต่อไป)

พระพุทธองค์ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้ บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" หลังจากนั้นก็เสด็จเข้าดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีเพ็ญเดือน 6 นั้น

หลักธรรมที่สำคัญที่ควรนำมาปฏิบัติ

1. ความกตัญญู คือ การรู้คุณคน เป็นคุณธรรมที่คู่กับความกตเวที ซึ่งหมายถึงการตอบแทนคุณที่มีผู้ทำไว้ ความกตัญญูและความกตเวทีนี้ เป็นเครื่องหมายของคนดี ทำให้ครอบครัวและสังคมมีความสุข

2. อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ในวันวิสาขบูชา ได้แก่

*ทุกข์ คือ ปัญหาของชีวิต สภาวะที่ทนได้ยาก ซึ่งทุกข์ขั้นพื้นฐาน คือ การเกิด การแก่ และการตาย ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ ส่วนทุกข์จร คือ ทุกข์ที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การพลัดพลาดจากสิ่งที่เป็นที่รัก หรือ ความยากจน เป็นต้น

*สมุทัย คือ ต้นเหตุของปัญหา หรือสาเหตุของการเกิดทุกข์ และสาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาเกิดจาก "ตัณหา" อันได้แก่ ความอยากได้ต่างๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

*นิโรธ คือ ความดับทุกข์ เป็นสภาพที่ความทุกข์หมดไป เพราะสามารถดับกิเลส ตัณหา อุปาทานออกไปได้

*มรรค คือ หนทางที่นำไปสู่การดับทุกข์ เป็นการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา มี 8 ประการ ได้แก่ ความเห็นชอบ ดำริชอบ วาจาชอบ กระทำชอบ เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งจิตมั่นชอบ

3. ความไม่ประมาท คือการมีสติตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร พูดอะไร คิดอะไร ล้วนต้องใช้สติ เพราะสติคือการระลึกได้ การระลึกได้อยู่เสมอจะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ซึ่งความประมาทนั้นจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมา

ศึกษาอริยสัจ4 อย่างลึกซื้งได้ที่นี่ครับ...

**VDO** 2. การ์ตูน พุทธประวัติ...
ควรโหลดเก็บไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ใส่ตัว เพื่อเพิ่มพูนปัญญาบารมี เพื่อเป็นพุทธบูชา และเพื่อเป็นสิริมงคลทั้งแก่ตนเองและลูกหลานสืบไป
*

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

9> ถ้าไม่คิดที่จะให้กำลังใจ อย่าซ้ำเติมกันได้ไหม?

'อุบลวรรณ พงษ์สวัสดิ์' คุณแม่ผู้ให้ชีวิต'Thanawut' ภาพนี้ท่านอายุ43(พ.ศ.2518) ถ้ายังอยู่ปีนี้79 ส่วน'Thanawut'27พ.ค.2554เต็ม64...วันนี้ขอรำลึกถึง'แม่อุบล'ของลูกๆ...เริ่มต้นท่านเป็นครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนเอกชน เป็น'ครูอุบล'ของลูกศิษย์ลูกหามากมาย ลาออกไปเป็นguideบ.ทอมมี่รับทัวร์ทหารสงครามเวียดนามที่มาพักร้อนในเมืองไทย ตอนนั้นถ้าได้ดูทีวีถ่ายทอดสดมวยเวทีราชดำเนินจะเห็นภาพ'แม่อุบล'ตัวเตี้ยๆอ้วนจ้ำหม้ำยืนชี้มือชี้ไม้ปากพูดอธิบายไม่หยุดให้ลูกทัวร์ฝรั่งฟัง และสุดท้ายของชีวิตท่านเป็นoperatorโรงแรมใหญ่แถวๆราชประสงค์ เป็น'พี่อุบล'ของน้องๆในที่ทำงาน ท่านเสียชีวิตด้วยความดันโลหิตสูงที่รพ.รามาธิบดี...
*
ขอขอบพระคุณ board.postjung.com


คุณมองเห็นอะไรในข้อความนี้... เพียงแค่ผิดเพียงข้อเดียวคุณกลับมาว่าเขาในสิ่งนั้น แต่ข้อที่ถูกคุณกลับไม่เคยให้คำชม
สังคมโลกเป็นเช่นนี้เสมอ!!! ทุกคนย่อมต้องการคำแนะนำและการให้อภัย...

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

8> เราจะไม่ทิ้งกัน...ณ สถานีรถไฟเชียงใหม่

21พฤษภาคม2553

สิ้นเสียงประกาศจากสถานี ขบวนรถไฟ กำลังเคลื่อนเข้าสู่ชานชลาอย่างช้าๆ...

เสียงปรบมือ โห่ร้อง ต้อนรับ ของพี่น้องหลายร้อยคนที่มารอรับ ดังก้องกลบเสียงอื่นๆ ไปสิ้น ทุกสายสายตา ต่างจดจ้องตู้ขบวนรถไฟ ที่มีผ้าสีแดง โบกลอดทางหน้าต่าง

พวกเรามารอรับพี่น้องกลับเชียงใหม่ บ้านเกิด...

ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า คือพี่น้องบนขบวนรถ ต่างยื่นหน้า ยื่นมือ ออกมาทางหน้าต่าง พร้อมโบกมือ สะบัด ผ้าแดง ที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็นธงแดง ที่มองครั้งใด จะเปี่ยมไปด้วยพลังความหวังของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

มาวันนี้ แม้สภาพจะเหลือเพียงธงแดงเก่าๆ ผืนเล็กๆ ร่องรอยขาดวิ่น ยับยู่ยี่ แต่เจ้าของก็คงแอบซ่อนไว้อย่างดี ธงผืนนี้ ได้คลี่ออก ทำหน้าที่อีกครั้ง...กางนำขบวนพี่น้องผู้รอดชะตากรรมการสังหารโหดที่ราชประสงค์ กลับบ้านเกิด

ขบวนที่มีบางคน ยังมีรอยเลือดเปื้อนที่รองเท้า และขากางเกง ขบวนที่ทุกคนคือประชาชนผ่านศึก

ตลอดแนว แถวขบวนที่พี่น้องเราเดินเข้าสู่การต้อนรับอันอบอุ่น บ้างจับมือ โอบกอด ทักทาย เป็นการปลอบใจ บางคน น้ำตาคลอ ที่กลับถึงบ้าน หลายคน น้ำตาไหล สะเทือนใจกับสภาพพี่น้องเรา ที่กลับมาอย่างสะบักสะบอม

แต่...แม้ไม่มีเสียงโห่อย่างฮึกเหิม ไม่มีธงธิวปลิวสะบัด เหมือนวันเคลื่อนพล วันที่ 12 มีนาคม แต่สีหน้า แววตา ยังบ่งบอกถึงพลังการต่อสู้ ที่ไม่มีวันจางหาย บางคนพูดสั้นๆ...เราจะไม่ยอมแพ้...

เสียงทักทาย สอบถาม เรื่องราวต่างๆ ด้วยเป็นห่วง ดังเซ็งแซ่ แต่พวกเขาพูด และตอบ น้อยมาก

มีเพียงสีหน้าแววตา ที่สื่อออกมาให้รับรู้ถึงร่องรอยความตื่นตระหนก พร้อมคำพูดที่เปล่งออกมาเพียงเล็กน้อย ฟังแล้วมันขมขื่นสิ้นดี...

มันฆ่าพวกเรา เหมือนชีวิตพวกเราไม่มีค่า

จาก...ลุงอิ่นคำ

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

7> เธอคือ "นางฟ้าในหัวใจ" ของคนอีกนับล้าน


ภาพน.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี หรือ น้องเกด พยาบาลอาสา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่ถูกยิง เสียชีวิต ที่เขตอภัยทานหลวงวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ในขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือประชาชนที่บาดเจ็บ...

วันนี้นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เป็นเจ้าภาพ ที่วัดปากบึงถนนร่มเกล้า...ขอให้ไปสู่สุขคติครับ

มีพวงหรีดจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่งมา แต่หัวหน้าคุณเกดบอกให้เอาคืนไป (ส่งคืนเจ้าของ)

ร่างของ คุณเกด หรือ น้องเกด พยาบาลอาสา ที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้เธอจะมิใช่พยาบาลวิชาชีพ แต่เธอก็เป็นพยาบาลแท้ด้วยจิตวิญญาณที่สูงส่ง อุดมการณ์เธอเด็ดเดี่ยวในความมุ่งมั่นที่จะช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ ซึ่งแตกต่างเหลือเกินกับเด็กดีของคนบางคน ที่เป็นวีรสตรีผู้มุ่งมั่นส่งเสริมการทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ร่างสองร่างของเด็กสาวที่เสียชีวิตต่างเหตุการณ์ ร่างหนึ่งได้รับการเอออวยสรรเสริญปานนางฟ้าเทพธิดา ส่วนอีกร่างแม้สิ้นชีวิตด้วยภารกิจแสนงดงามกลับมีเพียงเสื่อเก่าๆคลุม ห่อไว้

เราจะระลึกถึงเธอไว้ เพราะเธอคือ เด็กดีของหญิงชายผู้เฒ่า นับแสนนับล้านคน "นางฟ้าที่แสนดี วีรสตรีผู้สวมเสื้อคลุมขะมุกขะมอม ในหัวใจของไพร่" ตราบเท่านาน

กำหนดฌาปนกิจ วันที่ 26 พฤษภาคม 2553 เวลา 17.00 น. ที่วัดปากบึง ถนนร่มเกล้า เขตมีนบุรี/ลาดกระบัง




"ประชาไท"สัมภาษณ์แม่น้องเกด...

6> ราตรีนั้น 01.00 น. ณ ค่ายนเรศวร ชะอำ เพชรบุรี

5> "อย่าซ้ำเติมตนเอง" จาก...ตะวันสุรินทร์

คนเราเมื่อประสบภาวะใดที่ทำให้ต้องเสียใจแล้วละก็..."อย่าซ้ำเติมตนเอง"

เมื่อเราล้มลง...มีหลายคนจ้องเหยียบซ้ำ เมื่อล้มลงจงรีบลุกขึ้น ในจำนวนคนที่ยืนมองดู "การลุกขึ้น" ของเรา อาจมีบ้างคนที่ "ยื่นมือมาให้จับ" และอาจมีเช่นกันที่ "ขว้างก้อนหินก้อนดินมาซ้ำเติมเรา"

อย่าไปถือเอาคำพูดทำนองซ้ำเติมของคนอื่นมาดัดแปลงตกแต่งให้เป็นลูกศร แล้วทิ่มแทง ปักเข้าไปในหัวใจของเราเอง คนอื่นจะว่าเราอย่างไร จะมองเราอย่างไร ช่างเขา ขอเพียงตัวเราอย่าซ้ำเติมตนเอง

ถ้าคนอื่นซ้ำเติม ตัวเราเองก็ซ้ำเติม แล้วชีวิตของเราจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร

การผิดพลาดล้มลง เป็นเรื่องธรรมดาของคน "สู้ชีวิต" การล้มลงไม่ได้หมายความว่า เราจะแพ้อย่างลุกขึ้นไม่ได้ ขอให้ถือการล้มลงเป็นบทเรียนสอนใจต่อไปว่า "อย่าประมาท จงรอบคอบ"

อีกประการหนึ่ง...ยามที่เราล้มลง มีคนคอยปลอบโยนเราไหม?

ถ้ามี นั่นแสดงว่า เราเป็นคนโชคดีมาก แล้วไม่ควรมองข้ามคุณค่าของการปลอบโยนนั้น รวมถึงคนที่ปลอบโยนด้วย

เพราะค่าแห่งน้ำใจนี้ ถ้าเราไม่เคยล้มลง เราจะไม่มีวันได้มันมาเด็ดขาด

บางครั้งคนเราก็ "อาจได้ เมื่อเสียไป" และ "อาจต้องยอมเสียไป เมื่อได้สิ่งที่ดีกว่า"

ไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด สำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม การทำใจได้ในทุกเรื่อง เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้

เมื่อสำเร็จก็ไม่ปลื้มจนเหลิงลอย และถ้าล้มเหลวก็ไม่ตีอกชกตัว ไม่ซ้ำเติมตนเอง...

4> เสื้อแดง"คนสุดท้าย" ที่ราชประสงค์ 19-05-2553


เสื้อแดง"คนสุดท้าย" ที่ราชประสงค์ 19-05-2553
*
เปิดใจ รับฟังกัน... ตามไปอ่านที่นี่...
*
ผุสดี นากคำ – อาชีพพยาบาล
*
นี่คือเธอ... ตามไปอ่านที่นี่...
*
ฉันสัญญาว่าฉันจะอยู่ จนกว่าทหารจะมายิงฉัน
I promised. So I’ll stay until the soldiers come and shoot me
*

*




วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

3> วิดีโอคลิป: 20 พ.ค. 53 'กลับบ้าน'


http://www.youtube.com/watch?v=zRk3msTe1PY

จาก...ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์
Sat, 2010-05-22 12:16

หลังหลบอยู่ในวัดปทุมฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาตลอดคืนวันที่ 19 พ.ค. 2553 ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังไม่ขาดสาย และผู้คนที่ปลิดปลิวไป 6 ชีวิตต่อหน้าต่อตา ในที่สุด หลังจากตำรวจเจรจาอยู่นาน รวมทั้งพา ส.ส.เพื่อไทยเข้ามาร่วมยืนยันความปลอดภัยในการส่งกลับภูมิลำเนา ชาวบ้านผู้ขวัญหนีดีฝ่อก็ยอมทยอยกันออกมารวมตัวกันที่ลานหน้าสตช.จนแน่นขนัด พวกเขาอิดโรยและเหนื่อยล้า หลายคนมีเพียงตัวเปล่าๆ บางคนพอจะหอบข้าวหอบของติดตัวมาด้วยได้บ้าง เช่น กระสอบข้าวสาร ลังสิ่งของ พัดลม เป็นอาทิ ขณะที่บางคนรองเท้า ก็ไม่ทันได้ใส่เพราะใส่ตีนหมาโกยอ้าวสถานเดียวจากลูกหลงและ ความตายอันอลหม่าน หลังแกนนำประกาศมอบตัว

รถเมล์ที่แปะป้าย บริการประชาชน ได้เข้ามาบริการประชาชนจำนวนมากในที่นี้ ในเบื้องต้นพวกเขาต้องนั่งแบ่งโซนตามภาคต่างๆ และเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อลงทะเบียน จากนั้นรถเมล์จะมารับที่ประตูด้านอังรีดูนัง เพราะจนนาทีนั้นก็ยังไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยบนถนนเส้นมรณะได้ จากนั้นต้องไปลงทะเบียน ถ่ายบัตรประชาชน และกรอกเอกสาร เซ็นชื่ออะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่เต็นท์ของทหารและกระทรวง มหาดไทยบริเวณสนามศุภฯ ก่อนที่รถจะไปส่งที่สถานีขนส่งหมอชิต และสถานีรถไฟบางซื่อ เมื่อถึงที่นั่นก็จะได้เงินจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯ อีกคนละ 200 บาท เผื่อใครไม่มีเงินต่อรถในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็แนวโน้มเช่นนั้น

ดูไปแล้วสภาพมันเหมือนค่ายผู้อพยพ ซึ่งรอบตัวเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ผู้คนสะบักสะบอม อิดโรย เพราะเพิ่งผ่านสมรภูมิสงครามกลางเมือง คนส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่นี้เป็นคนต่างจังหวัด หน้าเกรียมแดด แต่งตัวสกปรกและหอบของพะรุงพะรัง การเข้ามาและการจากไปของพวกเขาต่างกันลิบลับ

ทหารหน่วยจิตวิทยา ประกาศส่งพวกเขากลับบ้านอย่างดี ลุงคนหนึ่งวิ่งไปกระซิบข้างหู ทหารพูดออกไมโครโฟน "เอ้า ใครเอาพัดลมสีเทาของลุงไป" "หาดีหรือยังลุง" "อะไรนะ วางไว้แป๊บเดียวไม่รู้หายไปไหนเหรอ ใครกันน้าเอาพัดลมของแกไปได้ โถๆ" เจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ และผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่อยู่ละแวกนั้นพากันหัวเราะแกมเอ็นดูลุงบ้านนอกผู้ตามหา "พัดลม" ... นั่นสิ ใครเอา "พัดลม" ของแกไป?...

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

2> สถานที่คุมตัว นปช. ค่ายนเรศวร ชะอำ ประจวบฯ

"บ้านบุญสร้าง" สถานที่คุมตัวณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำนปช.ที่ค่ายนเรศวร ชะอำ ประจวบคีรีขันธ์

มวลชนเสื้อแดงที่เข้าเยี่ยมแกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ได้โพสต์รูปภาพการเข้าเยี่ยมแกนนำที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่ค่ายนเรศวร ชะอำ ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวานนี้ (20พ.ค.)

ภาพนี้แกนนำนปช.มี วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย, ขวัญชัย ไพรพนา และ เจ๋ง ดอกจิก (เสื้อชมพูยืนด้านหลัง)

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับมวลชนเสื้อแดง

Posted by: นักข่าวชาวรากหญ้า ** โดย: ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 21 พฤษภาคม 2553

22พ.ค.2553 13.00น. ศอฉ.แยกขังเดี่ยวแกนนำนปช.ที่ค่ายนเรศวร
ส่วนอริสมันต์-แรมโบ้ยังจับไม่ได้

วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

1> เว็บนี้แด่..แควนๆทุกๆท่าน จากใจจริง..Thanawut

*

ยิ้มไว้ ยิ้มเป็นโรคติดต่อ ไม่เชื่อก็ลองยิ้มดูสิ!!!

ทุกปัญหาแก้ได้ด้วยพระคาถาบทนี้...

Ctrl+Alt+Del >>> Restart >>> Refresh

สมัคร gmail คลิกที่นี่