PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

25> นึกถึงวันที่เอาเงิน 1 แสนบาทไปคืน...


ขอบคุณมากครับคุณลุง...

อย่าเสียใจไปเลยครับ...

* * * * *

ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายปี เพื่อนบ้านก็ดี มีน้ำใจ ข้างบ้านรั้วติดกัน มีคุณลุงคนหนึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณมาหลายปีแล้ว ภรรยาเสียตั้งแต่เรายังไม่ย้ายเข้ามา ลูกๆทั้ง 3 คนต่างก็แต่งงาน มีครอบครัว ไปอยู่ที่จังหวัดอื่นๆกันหมด...คุณลุงแกก็อยู่บ้านคนเดียวมาเกือบ 10 ปี

เราได้รู้จักคุณลุง ก็ได้เห็นในน้ำใจไมตรี เป็นคนใจดี อบอุ่น น่ารัก...มีโรคประจำตัวตามประสาคนแก่คือเบาหวาน ความดัน และเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ ไปตามปกติ...

ด้วยความที่อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งเจ็บป่วย ก็ลำบากหน่อย เพราะไม่มีลูกหลาน คอยช่วยเหลือ ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราก็ได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือ พาไปหาหมอ พาไปทำธุระต่างๆ และถ้าป่วยหนัก ถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ก็จะช่วยโทรตามลูกๆของแกให้ ลูกๆก็จะมาเยี่ยมบ้าง ไม่มาบ้าง แล้วแต่โอกาส เรารู้ว่า คุณลุงเหงา...

บ่อยครั้งที่คุณลุงจะบ่นถึงคุณป้า ซึ่งเราไม่เคยเจอตัวจริง ได้เห็นแต่ในรูป เพราะท่านเสียไปหลายปีแล้ว ก่อนที่เราจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่...

ช่วงเทศกาล ปีใหม่ สงกรานต์ เมื่อบ้านอื่นๆ เขามีลูกๆ มาเยี่ยม เราเห็นคุณลุงนั่งเหงาเพียงลำพัง เราก็ซื้อของขวัญ ของกิน ของใช้ บางครั้งก็เป็นพวก ผลไม้บ้าง เครื่องดื่มบ้าง ไปไหว้...คุณลุงก็ดีใจ ให้ศีลให้พร กันยกใหญ่...แล้วก็บ่น รำพึง รำพัน ถึงลูกๆ...น้ำตาไหล นั่งมองแต่ประตูหน้าบ้าน รอว่าเมื่อไร จะมีรถของลูกๆ กลับมาเยี่ยมบ้าง...

หลายปีมานี้ คุณลุงก็ได้แต่รอ...เราก็ได้แค่ปลอบ ว่าลูกๆ เขาคงติดธุระ วันไหนเขาว่าง ก็คงมาเยี่ยม ไม่ต้องคิดมาก เสียสุขภาพไปเปล่าๆ...

ที่หลังบ้านคุณลุง มีต้นมะม่วงพันธุ์ดีอยู่หลายต้น มีต้นหนึ่งที่ลูกโต หวานอร่อยเป็นพิเศษ เราไปช่วยคุณลุงเก็บเป็นประจำ และคุณลุงก็จะแบ่งมาให้ทุกครั้ง...คุณลุงจะคัดลูกสวยๆ เก็บใส่กล่อง ดูแลเป็นพิเศษ...เก็บไว้รอลูกๆ อยากให้ลูกได้กินของดีๆ...หลายครั้งหลายหน เราเห็นคุณลุงรอลูกๆ จนมะม่วงเน่าเสียไป ไม่รู้กี่หน ต่อกี่หน...หลายปีมานี้ ไม่เคยเห็นลูกๆ กลับมากินมะม่วงที่พ่อบ่มไว้ แม้แต่ครั้งเดียว


มีที่แปลงหนึ่ง ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คุณลุงบอกว่าอยากขาย ให้เราช่วยดำเนินการให้หน่อย เราก็เขียนป้ายไปติด แล้วลงประกาศให้ ...5 เดือน เศษๆ หลังจากประกาศขาย ในที่สุดก็มีผู้สนใจและขายได้ในที่สุด ในราคา 1 ล้านบาท...

เมื่อได้เงินมา สิ่งแรกที่คุณลุงพูดถึงคือ...คิดถึงลูกๆ ถ้ารู้ว่าพ่อขายที่ได้คงดีใจ คุณลุงบอกว่าจะแบ่งเงินให้ลูกทั้ง 3 คน เท่าๆกัน...

วันรุ่งขึ้น คุณลุงมาหาเราแต่เช้า บอกว่าวันนี้ ขอแรงหน่อย ช่วยพาลุงไปธนาคารที จะไปโอนเงินให้ลูก เราก็พาไป วันนั้นเป็นลูกค้ารายแรกของธนาคาร...คุณลุงโอนเงิน ให้ลูกคนละ 3 แสนบาท...

เมื่อกลับมา...จอดรถส่งคุณลุงหน้าบ้าน...ก่อนลงจากรถ คุณลุงหยิบเงินในกระเป๋า 1 แสนบาทยื่นส่งให้ บอกว่า...เอานี่ ลุงให้...เรารีบปฏิเสธ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องให้ผม คุณลุงเก็บไว้ใช้เถอะ ให้ลูกๆไปเกือบหมดแล้ว...

คุณลุงบอกว่า เอาไปเถอะ ลุงได้รับบำนาญทุกเดือน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ที่แปลงนี้ที่ขายได้ ก็เพราะเรา ต้องรับโทรศัพท์ และพาคนไปดูที่ หลายเดือนมานี้ ไม่รู้ขับรถไป-กลับกี่รอบแล้ว และอีกอย่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงก็ได้แต่รบกวน ไม่เคยได้ให้อะไรตอบแทนบ้างเลย พ่อหนุ่ม ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน แต่ก็ยังอุตส่าห์ เสียเวลา เป็นธุระจัดการเรื่องราวให้ สารพัด...รับไว้เถอะ ลุงอยากให้จริงๆ ถ้าไม่รับลุงจะเสียใจนะ...เราก็ไหว้ ขอบคุณครับคุณลุง

กลับมานอนคิด ไตร่ตรอง รู้สึกไม่สบายใจ ดึกๆ จึงหยิบเงินไปหาลุงอีกรอบ...แต่ลุงไม่รับคืน และยืนยันว่า ตั้งใจจะให้เราจริงๆ...

อีก 2 วันถัดมา มีรถยนต์มาจอดที่บ้านคุณลุง ลูกสองคน คนเล็ก และคนกลางมาเยี่ยม และทวงถามเราถึงเงิน 1 แสนบาท พูดจาประมาณว่า...เราไปหลอกเอาเงินคนแก่ เรารีบเข้าไปในบ้านหยิบเงิน 1 แสน เดินไปที่บ้านคุณลุง แล้วคืนเงินให้...

คุณลุงปฏิเสธ และพยายามอธิบายให้ลูกๆฟัง แต่ทั้งสองคนไม่ยอม เราจึงวางเงินไว้ แล้วเดินออกมา

ก่อนตะวันตกดิน ได้ยินเสียงรถขับออกไป...สักพักคุณลุงก็มาหา เล่าว่าสองคนนั้นแบ่งเงินกันคนละ 5 หมื่นแล้วก็ลากลับไปแล้ว

คุณลุงกล่าวคำขอโทษอย่างที่สุด...คุณลุงน้ำตาไหล บอกว่าเสียใจ ไม่คิดว่าลูกๆ จะเป็นไปถึงขนาดนี้...คุณลุงบอกว่าจะเอาเงินบำนาญที่ได้รับทุกเดือน มาทยอยคืนให้ จนกว่าจะครบ 1 แสนบาท...เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง ไม่ต้องทำอย่างนั้น

อีก 3 วัน เกือบๆเที่ยงคืน คุณลุงมาที่บ้าน พร้อมกับลูกชายคนโต เมื่อ 3 วันที่แล้ว พ่อโทรฯไปเล่าเรื่องให้ฟัง พี่ก็ไม่สบายใจ... พอดีที่ทำงานส่งไปสัมมนาหลายวัน ออกมาไม่ได้ พอเสร็จธุระ ก็รีบขับรถมาเลย มาถึงซะดึก...พี่ต้องขอโทษ แทนน้องๆ สองคนด้วย เสียมารยาทจริงๆ เดี๋ยวต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง อายุก็มากแล้ว แต่ก็ไม่รู้จักโต แย่จริงๆ...เอาอย่างนี้ ขอเลขบัญชีธนาคารให้พี่ได้ไหม เดี๋ยวกลับไป พี่จะรีบโอนเงินมาคืนให้...ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร...เราปฏิเสธไป...

วันถัดมาเมื่อลูกชายคนโตกลับไป คุณลุงเล่าให้ฟังด้วยความดีใจ เจ้าใหญ่มันบอกว่า วางแผนไว้แล้ว อีก 5 ปี จะย้ายมาทำงานที่บ้าน จะพาลูกพาเมียมาอยู่ที่นี่...เราสังเกตเห็นแววตาอันสดใสของคุณลุง บ่งบอกถึงความ ปิติ ยินดี อย่างที่สุด...ดีใจด้วยครับคุณลุง ต่อไปจะได้ไม่เหงาแล้ว...

ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เกือบ 4 ปี แล้วซินะ ที่คุณลุงนับวันรอ ว่าจะมีลูกๆ กลับมาอยู่ด้วย เราเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงขีดฆ่า วันแล้ววันเล่า...เดือนแล้วเดือนเล่า...ปีแล้วปีเล่า...และสุดท้าย...คุณลุงน่าจะอดทนรออีกนิด...อีกนิดเดียวเองครับคุณลุง...

ในห้อง ไอซียู เรากับพี่ใหญ่ นั่งอยู่คนละข้างเตียงคนไข้...ช่วงเวลา สุดท้ายของชีวิต คุณลุงขยับนิ้วมือ เรากับพี่ใหญ่เอื้อมมือไปจับมือคุณลุง...ดวงตาค่อยๆ ปิดลงช้าๆ...คุณลุงจากไปด้วยอาการสงบ

หลังงานศพ เสร็จสิ้น... ค่ำคืนนั้น พี่ใหญ่มาหาเราที่บ้าน ยื่นถุงกระดาษส่งให้ บอกว่า พ่อฝากไว้ให้ พ่อกำชับไว้ตั้งแต่ก่อนตาย ว่าต้องให้เรารับไว้ ไม่งั้นพ่อจะนอนตายตาไม่หลับ...

เราแกะถุงเปิดดูข้างใน มีซองจดหมายทั้งหมด 10 ซอง...จ่าหน้าว่า...คืนเงินเดือนที่ 1-2-3...ไปจนถึง คืนเงินเดือนที่ 10 ในแต่ละซอง ข้างในมีธนบัตรใบละ 1,000 บาท สิบใบ...ซองสุดท้าย มีข้อความว่า

ถึง...
หลานที่ไม่ใช่สายเลือด แต่ก็เป็นหลานที่ดีกับลุงเหลือเกิน...ลุงคืนเงินให้ตามที่เคยสัญญา...ขอบคุณที่ช่วยเหลือ เป็นธุระให้ ในทุกๆเรื่อง และเป็นเพื่อนคนแก่มาตลอด...
ป้ามารอลุงแล้ว...ลุงต้องไปก่อน


อีก 2 วันถัดมาที่บ้านคุณลุง มีคนเข้ามาทำความสะอาด...เราสังเกตเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงใช้ขีดฆ่าเพื่อนับวันรอลูกๆ...ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหน้าบ้าน...

เดินไปที่ถังขยะหน้าบ้านคุณลุง มองไปที่ประตู มีป้ายประกาศติดไว้...ขายบ้าน ด่วน!

เราไปเก็บปฏิทินมาทำความสะอาด...นึกถึงภาพคนแก่ ที่หยิบดินสอขีดฆ่าตัวเลขบนปฏิทิน ด้วยอาการมือสั่นเทา...

ลูกๆ คงไม่รู้หรอกว่า ภายใต้ปฏิทินเก่าๆ ไร้ค่าใบนี้...มันซ่อนความห่วงหาอาลัย ซ่อนความเงียบเหงา ว้าเหว่...ซ่อนความเจ็บปวด ร้าวลึก ของคนแก่คนหนึ่ง ที่ต้องใช้ชีวิต อยู่อย่างโดดเดียว เพียงลำพัง มานานกว่า 10 ปี... เราตั้งใจจะเก็บปฏิทินนี้ไว้ เพื่อเป็นที่ระลึก...ตลอดไป...

ขอให้บุญกุศล และคุณงามความดี ทั้งหลายทั้งปวง ที่คุณลุงได้สั่งสมมาตลอดชั่วชีวิต จงนำพาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของคุณลุง ไปสู่สุคติ...ในดินแดน อันสงบ ร่มเย็น...ชั่วนิรันดร......รักคุณลุงครับ

ที่มา : Pantip.com

ปล. มิได้มีข้อความใดๆ ระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หรือนิยาย ขอให้อ่านด้วยสามัญสำนึกครับ

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

24> บันทึก(ไม่)ลับ... "ด้วยความเคารพ แม้ว มันเคยเลวในสายตาของผม"




By: สายลมรัก(1)

"ไอ้ห่า กรูว่าแมร่งเป็นโรคไฮเปอร์" ผมสบถ...กับน้อง+เพื่อน ร่วมงาน ในแผนก

บนโต๊ะอาหารกลางวัน ณ สโมสรแห่งหนึ่ง กลางใจเมืองหลวง

ตกกะใจปนระคนทุกข์ เมื่อ แม้วสั่งซ้ายหันขวาหัน ให้เหล่าข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ขับเคลื่อนด้วยระบบ เอกชน

"แมร่งสั่งนับหน่วยผลิตด้วยเว้ย...แบบว่าถ้าคนเยอะแต่เนื้องานน้อยกว่าหละเมิง โดนตัดงบแถมโดนลดคนด้วยนะเมิง..." เพื่อนซี้พูดพลางพร้อมกระดก...ไฮเนเกนท์

"แถมวัดผลงานข้ามกรมฯ ด้วยหละ" มันย้ำๆ

"กรูจะฟ้องศาลปกครอง" ผมคำรามในใจ ในฐานะที่ร้อนวิชากฎหมายมหาชน ที่เพิ่งจะได้รับอบรมเสร็จหมาดๆ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

"แมร่งจะวัดกันยังงัยว๊ะในแต่ละหน่วย ลองเอาผลงานของกรมป่าไม้ ไปเทียบกับกรมประชาสงเคราะห์สิ วัตถุประสงค์มันคนละอย่าง"

"นี่มันเล่นอัดกันแบบลูกจ้างโรงงานมือถือ...มันไม่แฟร์ มันต้องดูจอบดิสคริปชั่นของแต่ละหน่วยเว้ย" (กระแดะใช้ภาษาปะกิตเพราะเริ่มเมานิดๆ)

*****

นั่นเป็นครั้งแรก ที่ผมรู้สึกกับอัศวินควายดำ ของใครหว่า ผมจำไม่ได้ที่ให้ฉายาไว้ ว่าเขาคนนี้นี่แหละที่จะกอบกู้...เศรษฐกิจประเทศไทย

ในขณะนั้นทักษิณเนื้อหอม ในสังคม แต่ด้วยศรศิลป์อาจไม่กินกันแน่ๆ ผมจึงไม่ค่อยชอบเศรษฐี ขี้ใจร้อน เอาแต่ใจ...แถมติดดูถูกนิดๆ ด้วยว่า

คอยดูเหอะ "สัญญาประชาคม" ไอ้โน่น ไอ้นี่ไอ้นั่น ไม่มีทางทำได้ นักการเมืองมีแต่โม้...

*****

แต่ วันหนึ่งผมต้องไปประชุมร่วม...เผอิญแม้วมันเป็นประธาน...

เอาคำพูดที่จำได้มั่งไม่ได้มั่งมาประติดประต่อให้ฟัง

"ในตอนนี้...ประเทศเราไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ เรากำลังจนเพราะเป็นหนี้ IMF และการเป็นหนี้ทำให้เราต้องทำตามเงื่อนไขที่เจ้าหนี้กำหนดให้เราทำอะไรหลายอย่างที่ขมขื่น"

"ผมต้องการให้ทุกคน(ในที่ประชุม)คิดนอกกรอบ หาทางเอารายได้เข้าประเทศให้ได้มากที่สุด ผมอยากบอกว่า พวกเราทุกคนต้องทำงานหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าราชการ ต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมหลายเท่า หน่วยไหน ยังอืด ล่าช้า ผมจะลงไปรีดไขมันด้วยตัวเอง (ขู่) แต่ผมสัญญาว่าหากเราทำงานหนักแล้วรายได้เข้าประเทศ...ผมจะหาเงินมาเพิ่มให้พวกเรา แม้จะได้ครั้งละไม่มาก แต่พยายามหามาเติมให้ได้มากที่สุด"

"จงจำไว้ว่าขณะนี้ประเทศของเรา อยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ"

*****

1 อาทิตย์ให้หลัง ผมเห็นหนังสือตั้งคณะำงาน ให้หาเงินจากนักท่องเที่ยว ที่ผ่านสนามบินดอนเืมือง (Transit) ไอ้ 3 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 9 ชั่วโมง 12 ชั่วโมง...ไปหาทางให้เขาแวะมาใช้เงินให้ได้ (ซึ่งไม่เึคยมีรัฐบาลไหนคิด เพราะส่วนมากจะสิ้นคิด ในวิธีหาเงินเข้าประเทศ)

เอากะมันดิ สั่งมาด้วยว่าให้ใครทำหน้าที่อะไร ผมงานเข้า ทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ศุลกากร การท่าอากาศยาน การท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม สมาคมไกด์ ฯลฯ

ประชุมกันหัวแทบแตก

ในที่สุดก็ฝ่าด่านทำตามที่แม้วสั่งได้

แม้บริษัทท่องเที่ยว แมร่งจะพาผู้โดยสารไปซื้อเพชรที่ร้านมัน แต่ก็ถือว่าส่วนน้อย ส่วนมากได้จับจ่ายใช้สอยระยะสั้นๆ เพื่อหาเงินเข้าประเทศ

*****

จากนั้นแม้วได้กระชับพื้นที่ ระบบที่เช้าชามเย็นชาม เป็นนิวลุค...ทุกหน่วยงาน จากสามโมงเย็นนั่งเด็ดผักบุ้ง เตรียมตัวกลับบ้าน สี่โมงจะครึ่งแล้วยังหัวฟูกันอยู่เลย (ฮา)

*****

มุมมองผมเริ่มเปลี่ยน เริ่มอืมม เริ่มเออ เริ่มดีหวะ เออใช้ได้ กับการปฏิบัติการไฮเปอร์ของแม้ว...แถมสัญญาประชาคม ที่บอกตอนเลือกตั้งมันทำทุกโครงการ

"เออ...นี่แหละ นายกที่คนไทยต้องการ"

นโยบายเราเริ่มปรับเปลี่ยนจากตามก้นสิงคโปร์ เป็นหายใจรดต้นคอ ตามมาติดๆ

พวกคุณคงไม่อยากเชื่อว่า...รัฐมนตรี ป้ายแดงเคยเรียกพวกผมไปพบในห้องแล้วบอกว่า

"พวกคุณไปเอาผลงานเด่นๆ ของคุณมา 1 ชิ้น เพราะเมื่อครบสามเดือน รัฐมนตรีทุกคนต้องแสดงผลงาน ไม่เช่นนั้นอาจโดนปลด ท่านเคยบอกกับรัฐมนตรีทุกคนไว้ว่า อย่าอยากเป็นเพราะเป็นเกียรติประวัติ ถ้าอยากเป็นต้องทำงานเป็นคิดเป็น ถ้าทำงานไม่เป็นก็ไม่ควรที่จะเสนอตัวเอง"

"ผมเพิ่งรับตำแหน่งใหม่ๆ ยังไม่ทราบว่างานมีอะไรบ้างขอเวลาผมหน่อย แล้วผมจะคิดโครงการเอง" (ฮา)

*****

นี่แหละไอ้แม้ว ที่พวกเราเกลียดนักเกลียดหนาที่เขาว่าเลว

ผมโชคดีที่มีประสบการณ์ได้ทำงานในยุคที่คนคนนี้เป็นนายกรัฐมนตรี

เปล่า...ผมไม่ได้ว่าเขาดีเลิศประเสริฐศรี เหนือมนุษย์ ถ้าจำไม่ผิดแม้วเคยขอโทษประชาชนออกทีวี ฐานะพูดเร็วกว่าคิดไปสองครั้ง

แต่โดยรวม เขาทำงานได้ดีี่ที่สุดที่เราเคยมีมา

*****

เหลียวมองพรรคที่เคยชอบ ชวน หลีกภัย คนนี้ผมเคยเชียร์ (ฮา)

ไอ้ห่า นั่งเซ็นงานเรื่องเพื่อทราบถึงสองทุ่ม ไม่รู้จะเซ็นทำห่าอะไร มันไม่ใช่หน้าที่นายกฯ นั่งเป็นปลัดประเทศ จนสื่อเรียกว่า

บริหารแบบนี้ ไม่ต้องมีนายกก็ได้ หรือที่ดังในขณะนั้น เขาเรียกว่า บริหารแบบไม่บริหาร

พอมาเจอมาร์ค ม. 7 ยิ่งหนักกว่าชวน

เล่นการเมืองโดยอาศัยระบบรัฐประหารยังไม่พอ

นโยบายแรกของเราคือกู้ มากินมาใช้กันก่อนเดี๋ยวพอประเทศอื่นเขาดีขึ้นเราก็จะดีเอง (ฮา)

นักข่าวถามว่า กู้แบบนี้มันจะได้ผลหรือ

นายกตอบว่า "ไม่ต้องห่วงประเทศอื่นเขาก็กู้ ถ้าผิดก็ผิดเหมือนกันหมด"

โอ้โห...แมร่งตอบได้สุดยอด....................

*****

ประเทศเรามีกรรม มีเวร มีอะไรก็ไม่รู้คอยฉุดรั้งไว้...

อยู่กันไปแบบนี้แหละ สามโมงเย็นแต่งหน้ารอผัวมารับกันแล้ว...

อยู่กันแบบเจ้าคนนายคน อยู่กันไปแบบนี้แหละ

ประเทศไทยโชคดี ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ และมีนายกชื่ออภิสิทธิ์...

เราโชคดีจริงๆ ครับพี่น้อง

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

23> นกแก้วตัวนั้น?



ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง เห็นนกแก้วตัวหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่ จึงเกิดสนใจถามคนขายว่า

ชายคนนั้น : ลุงๆ ไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่?

คนขาย : 15,000 บาท

ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ

คนขาย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window,mac,unix แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ

ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆมันล่ะ

คนขาย : 25,000 บาท

ชายคนนั้น : โอ้โฮ! อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง (หัวเราะ)

คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของร้านได้ด้วยนะ

ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆอยู่ข้างหลังน่ะ (ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ

คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็นมันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัวที่นั่งหน้าคอมอยู่นั่นแหละ ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ

ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ

คนขาย : 100,000 บาท

ชายคนนั้น : เฮ้ย! ทำไมล่ะ

คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั่น เรียกมันว่า หัวหน้า!!!

เหอ...เหอ...

เด็กดอยใจดี...

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

22> หงุดหงิดจาย...ทำกาน่าฉ่ายกินเองกันดีกว่า



2-3วันมานี้ไม่ได้ออนไลน์รู้สึกหงุดหงิดชอบกลๆ...กินไม่อร่อยนอนไม่อิ่ม...คิดถึงเพื่อนๆในชุมชนไซเบอร์ประชาไท... เรื่องนอนนะไม่ใช่อุปสรรค อายุมากแล้วนอนเต็มที่ 3 ชั่วโมงก็เต็มอิ่มแล้ว

ในโลกไซเบอร์ไม่มีอะไรมาขวางกั้นไม่ให้ติดต่อถึงกันได้ ระยะทางในการเดินทางไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ไม่แน่นะ...ในอนาคตอาจจะไม่มีสำนักงานให้คนเดินทางไปทำงานอีกต่อไป เพราะอยู่ที่ไหนๆมีคอมพิวเตอร์ มี note book ก็สามารถทำงานกันได้แล้ว ร้านหนังสือ พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย ธนาคาร อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นสถานที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตก็เป็นได้

สุดสัปดาห์เสาร์อาทิตย์ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้เป็นประโยชน์กันนะครับ หยุดเรื่องหนักๆในปัญหาชีวิตประจำวัน มาคลายเครียดกัน...อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกๆก็ยกโขยงกันไปจ่ายตลาดตอนเช้าๆ ไปดูชีวิตการทำมาหารับประทานของคนอื่นๆเขามั่ง แล้วก็หันกลับมาดูตัวเอง บางที...บางทีนะครับอาจจะพบสัจธรรมในการดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบผุๆใบนี้ก็เป็นได้ กลับถึงบ้านก็เข้าครัวช่วยกันทั้งพ่อแม่ลูกๆทำอาหารมื้อกลางวันรับประทานกันเอง แค่นี้ก็แฮ็ปปี้กันทุกๆคนทั้งครอบครัวแล้ว ต้นสัปดาห์วันจันทร์จะได้มีพลังใจที่แข็งแกร่งไปสู้รบตบมือกับปัญหาต่างๆอีกต่อไป

นึกถึงอาหารเจสุดฮิป "กาน่าฉ่าย" แล้ว สำหรับคนเคยกินก็ว่าอร่อย แต่สำหรับคนไม่เคยหรือมองผ่านๆเห็นดำๆแล้วคิดว่าสกปรกไม่กล้ากิน ก็ว่าไม่อร่อย... วันหยุดสุดสัปดาห์หลายๆวันใช้เวลาอยู่กับครอบครัว อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกๆ ลองมาทำ กาน่าฉ่าย กันดีกว่า ถูกกะตังค์! อร่อยด้วย! แถมปรุงรส เปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ดจืด ได้ตามใจปรารถนา แล้วอีกอย่างนึงมั่นใจในความสะอาดด้วยล่ะ

ขอขอบคุณเว็บคุณแหวะที่มอบความรู้เป็นวิทยาทาน...

ส่วนผสม "กาน่าฉ่าย" มีดังนี้

- ผักกาดดองขยำ ล้างน้ำบีบน้ำเค็มออก 1 รอบ (ล้างมากไปจะจืด ล้างน้อยจะเค็ม) สับๆๆๆ 2 โล

- กานาซั่ม (ลูกสมอดอง) ทุบๆสับๆ 1 ขีด (2 ขีดก็ได้ถ้าชอบ หรือมีเยอะ)

- เห็ดหอมแช่น้ำ หั่นหยาบๆ ใส่ตามฐานะทางบ้าน

- น้ำมันพืช จะปาล์มหรือถั่วเหลืองก็ได้ ครึ่งขวด

- ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง

*1

ผักกาดดองสับ

*2

กานาซั่ม (ลูกสมอดอง) มีขายที่ตลาดเก่า เยาวราช อันนี้แบบไม่มีเม็ด จะใช้แบบมีเม็ดก็ได้เหมือนกัน สับๆทุบๆ ก่อนทำ ในรูปนี้ยังไม่ได้ทุบ

*3

เห็ดหอมสับหยาบๆ ในรูปนี้สังเกตว่าใส่เยอะมาก

*4

ผักกาดดอง เห็ดหอม และ กานาซั่ม (ลูกสมอดอง)

*5

ตั้งกระทะ เทน้ำมันพืชลงไปครึ่งขวด พอร้อนใส่เห็ดหอมกับกานาซั่มลงไป

*6

พอเห็ดหอมกับกานาซั่มหอมๆ ไม่ถึงกับแห้ง ก็ใส่ผักกาดดองลงไป

*7

เติมน้ำเปล่า 1 ถ้วย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อนๆ ปิดฝา ตุ๋นไปเรื่อยๆ

*8

หมั่นมาดู และคอยคนทุกๆครึ่งชั่วโมง เป็นเวลา 5 ชั่วโมง จะได้แบบนี้ ถ้าแห้งไปเติมน้ำได้

*9

ต้มตุ๋น ชิม ปรุงไปเรื่อยๆ 8 ชั่วโมง เริ่มดำ ตักใส่กระปุก ปิดฝา ไม่ต้องเข้าตู้เย็น ทิ้งไว้ 1 คืน

*10

เช้าวันใหม่ ดำกว่าเดิมอีก เอามาลงกระทะ คั่วๆ ให้ร้อน จะหอมกว่าเดิม แถมดำได้ใจ อร่อยได้เลย

คลุกกับข้าวสวยร้อนๆ รับประทานอร่อยกว่าข้าวต้มนะครับ

ทำเป็นโอ่ง-ทำเป็นอาชีพ...ไปที่นี่ครับ